"การมี Redmi Note 5 อยู่ข้างกาย คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต"  สวัสดีครับ เพื่อน ๆ ชาว Mi Community วันนี้ผมจะขออนุญาตมาแบ่งปันประสบการณ์ การแกะกล่อง รีวิวสมาร์ทโฟน Xiaomi เครื่องแรกในชีวิตของผม "Redmi Note 5" ก่อนจะรีวิว ผมต้องสารภาพเลยว่าก่อนหน้านี้ ผมไม่เคยใช้สมาร์ทโฟนแบรนด์นี้มาก่อน แต่ก็เคยได้ยินกิตติศัพท์มาบ้างว่า เป็นโทรศัพท์มือถือจากประเทศจีนที่มีประสิทธิภาพสูงมาก โดยเฉพาะเรื่องกล้องถ่ายรูป ซึ่งได้คะแนนจากเว็บไซต์ DxOMark ค่อนข้างเยอะ สามารถเทียบชั้นกับโทรศัพท์มือถือค่ายใหญ่ได้สบาย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า Xiaomi มีอะไรน่าสนใจบ้าง ผมจึงจับพลัดจับผลู เข้ามาเป็นสมาชิกของ Community แห่งนี้ และได้เล่นเกมในกิจกรรมในกระทู้ "สัตว์ตัวไหนเปรียบได้กับ Redmi Note 5? บอกกับเราเพื่อลุ้น The New Camera Beast" ซึ่งผมก็โชคดี ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ได้รับรางวัลเป็นโทรศัพท์ "Redmi Note 5" เครื่องที่จะนำมารีวิวในวันนี้นั่นเองครับ ในการรีวิวครั้งนี้ ผมได้ใช้กล้องของ "Redmi Note 5" ถ่ายทั้งหมด ยกเว้นรูปตัวเครื่องเอง ที่ต้องใช้กล้องตัวอื่นถ่ายครับ รักของฉันนั้นเป็นสีส้ม 
"กล่องของ Redmi Note 5" (ภาพโดย Redmi Note 5) กล่องของ "Redmi Note 5" มาด้วยโทนสีส้มสดใส สีประจำชาติของ Redmi บนกล่องมีเพียงโลโก้เล็ก ๆ และชื่อรุ่นของเราเท่านั้น ส่วนด้านข้างแปะสติกเกอร์เล็ก ๆ ไว้ว่า "Global Version" เพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้เป็นรุ่นที่ ผลิตมาสำหรับวางจำหน่ายและใช้ได้ทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในจีนหรืออินเดีย ซึ่งความแตกต่างของ เวอร์ชั่น Global กับเวอร์ชั่นอินเดีย ที่ใช้ชื่อว่า Redmi Note 5 เหมือนกัน สามารถตรวจสอบได้ในกระทู้นี้ (ความแตกต่างระหว่าง Redmi Note 5 (Global) และ Redmi Note 5 Pro (India))เผื่อเพื่อนคนไหนจะซื้อเคส หรือฟิลม์กระจกกันรอยจะได้ไม่ซื้อผิด เพราะหลัก ๆ แล้วกล้องหน้าของทั้งสองรุ่นมันสลับฝั่งกัน พลิกกลับมาดูด้านหลัง จะเจอกับรายละเอียดคร่าว ๆ ของตัวเครื่องและคุณสมบัติ ซึ่งเครื่องของผมเป็น Redmi Note 5 Gold สีทอง 3GB RAM 32GB ROM ตามภาพ แต่ถ้าเพื่อน ๆ อยากรู้รายละเอียดที่ชัดเจนก็ลองเข้าไปดูในเว็บไซต์หลักอย่างเป็นทางการของ Mi Thailand ครับ 
"รายละเอียดเกี่ยวกับตัวเครื่อง" (ภาพโดย Redmi Note 5) หน้าจอ 5.99 นิ้ว อัตราส่วน 18:9 , กล้องคู่ Dual PDAF Camera 1.4μm large pixels กล้องหน้า 13MP, แบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh และขุมพลังจากซีพียู Qualcomm Snapdragon 636 แค่ดูสเปคคร่าว ๆ นี่ก็ร้อง ว้าว! แล้ว แกะกล่องแล้วเปิดฝา 
"คู่มือ เคสใส ปลั๊กไฟ และพินสำหรับเปิดถาดใส่ซิม" (ภาพโดย Redmi Note 5) เปิดฝากล่องออกมา เราจะเจอกับคู่มือการใช้งานเป็นภาษาอังกฤษ, ปลั๊กไฟสีขาวแบบ EU, เคสใสนุ่มนิ่มพอใช้ประทังชีวิต กันตกหล่นในช่วงเริ่มต้น ที่เรายังไม่มีเคสดี ๆ ใส่ และพิม เข็มเล็ก ๆ ที่จะขาดเสียไม่ได้เพราะมันจำเป็นต่อการใช้เปิดถาดใส่ซิม ว่าแต่ว่าตัวเครื่องอยู่ไหน ? ... ก็ผมใช้มันถ่ายรูปอยู่ไง ปั๊ดโถ่ ! งั้นขอเวลาไปหยิบกล้องถ่ายรูปแป๊บนึงครับ ..... ..... มาแล้ว ๆ มาดูเครื่อง Redmi Note 5 Gold สีทองผ่องอำไพ ของผมกันครับ 
"ด้านหลัง" ตัวเครื่องเมื่อมองจากด้านหลัง เห็นกล้องคู่ Dual Camera จุดขายของเรา และปุ่มวงกลมสำหรับสแกนนิ้ว 
"ด้านหน้า" ตัวเครื่องด้านหน้า กับหน้าจอเรียบ ๆ Basic Android ส่วนขอบด้านบนจะเป็นกล้องหน้า และเซนเซอร์รับแสง ถ้าสังเกตุให้ดีที่มุมบนด้านขวาของหน้าจอ จะเห็นตัวอักษรคำว่า "VoLTE" ซึ่งก็คือ Voice over Long Term Evolution เทคโนโลยีที่ทำให้ 4G สามารถโทรออกโดยแปลงสัญญาณเสียงเป็นข้อมูล แล้วส่งไปยังปลายทางแล้วแปลงกลับเป็นเสียงอีกครั้ง ทำให้เสียงการสนทนาชัดเจนกว่าระบบเดิม นั่นจึงหมายความว่า Redmi Note 5 เครื่องนี้ รองรับระบบ VoLTE แน่นอนครับ ส่วนขั้นตอนและวิธีการเปิด VoLTE นั้นก็ง่าย ๆ แค่โทรติดต่อเจ้าหน้าที่ของค่ายมือถือที่เราใช้งาน (ผมใช้ Truemove) เจ้าหน้าที่จะสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ และยืนยันข้อมูลบุคคลเล็กน้อย รอสัก 10-20 นาที ระบบ VoLTE ก็จะใช้งานได้เลยครับ ทั้งนี้เพื่อน ๆ สามารถดู วิธีเปิดฟังก์ชั่น VoLTE ได้ที่นี่ครับ 
"ด้านล่าง" ด้านล่างของตัวเครื่อง มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม., ไมโครโฟน, ช่องเสียบ Micro-USB และ ลำโพง 1 ตัว 
"ด้านข้าง" ข้างขวาของเครื่องจะเป็นปุ่มเปิด-ปิด และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง เหมือนโทรศัพท์ทั่วไป ส่วนด้านซ้ายจะเป็นถาดใส่ซิม ซึ่งต้องใช้พินที่แถมมาในกล่องเปิดครับ 
"ด้านบน" ด้านบนเครื่องมีไมโครโฟน และช่องอินฟาเรดที่สามารถใช้เป็นรีโมทให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้านได้ (ร่วมกับแอป Mi Remote) ซึ่งผมชอบมันมาก ๆ เลยครับ มีแค่โทรศัพท์เครื่องเดียว Control ได้ทั้งบ้าน (ยกเว้นภรรยา) 
"ปลั๊กไฟ" (ภาพโดย Redmi Note 5) ปลั๊กไฟสีขาวดูเรียบหรู แต่เป็นจุดอ่อนของเรา เพราะเป็นปลั๊กมาตรฐาน EU หัวกลม พอเอามาเสียบกับเต้ารับในเมืองไทย(ซึ่งไม่ค่อยมีมาตรฐาน) มันจะหลวม โยกไป โยกมา หากมีโอกาสคงต้องแวะไปหาซื้อตัวแปลงให้เป็นปลั๊กหัวแบน จะได้ดูมั่นคงขึ้นหน่อย 
"แผ่นคู่มือด้านหน้า" (ภาพโดย Redmi Note 5) 
"แผ่นคู่มือด้านหลัง" (ภาพโดย Redmi Note 5) คู่มือ Redmi Note 5 มีรายละเอียดการใช้งาน และข้อมูลความปลอดภันต่าง ๆ ถ่ายเก็บไว้เผื่อใครทำหาย จะได้เอามาดูย้อนหลังได้ ซึ่งผมก็ถ่ายภาพด้วย Redmi Note 5 เช่นกัน โดยใช้แอป Office Lens แอปสแกนเอกสารที่ผมใช้เป็นประจำในการทำงาน การใช้งาน การใช้งาน Redmi Note 5 ในภาพรวมไม่ได้แตกต่างจากการใช้งานสมาร์ทโฟนทั่วไปสักเท่าไหร่ เพราะมีเมนูต่าง ๆ คล้ายคลึงกัน แต่ด้วยการที่ Xiaomi มีระบบปฏิบัติการที่คิดค้นขึ้นเองอย่าง MIUI9 ทำให้เราใช้งานได้อย่างไหลลื่น รวดเร็ว และสะดวกยิ่งกว่า ซึ่งเครื่องที่มาจากกล่องเป็น MIUI 9.5.6.0 Global Stable แต่พอเชื่อมต่อไวไฟหรืออินเตอเนทเสร็จสรรพ เครื่องก็จะอัพเดทให้เราเองโดยอัตโนมัติเป็น MIUI 9.5.13.0 Global Stable ซึ่งปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่อง รวมทั้งกล้องถ่ายรูปด้วย นอกจากนี้ระบบปฏิบัติการของ Redmi Note 5 ยังมีโอกาสที่จะได้รับการพัฒนาต่อไปเป็น MIUI10 อีกด้วย ตามการประกาศของบริษัท ซึ่งนับว่าเป็นจุดเด่นอีกจุดหนึ่งของ Xiaomi ที่มีการพัฒนาระบบปฏิบัติการให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ลอยแพเหมือนยี่ห้ออื่น ๆ 
"รายละเอียดของระบบปฏิบัติการ MIUI9 และการอัพเดทครั้งล่าสุด เป็น MIUI 9.5.13.0 Global Stable (ณ วันที่ 9 มิ.ย.61)" สำหรับการใช้งานกล้องถ่ายรูป ซึ่ง Redmi Note 5 ตัวนี้ได้รับการขนานนามว่า The Camera Beast นั้นก็ทำได้ดีเหลือเชื่อ เมื่อเทียบกับราคาค่าตัว เพราะมีกล้องคู่ตัวหลัก 13MP sensor 1.4μm รูรับแสง f/1.9 ส่วนกล้องตัวที่สองขนาด 5MP sensor 1.12μm รูรับแสง f/2.0 ช่วยให้เราสนุกสนานกับการถ่ายรูปมากยิ่งขึ้น นอกจากการถ่ายรูปทำรีวิวนี้ ผมยังไม่มีโอกาสไปเที่ยวตามสถานที่สวย ๆ แต่ก็พอจะได้ทดลองถ่ายภาพเก็บไว้บ้าง ลองชมภาพบางส่วนดูครับ 
"Slow Life" 
"สัก" 
"กระเพรา" 
"รถตักเรือ" 
"ยอด" 
"ฟ้าครึ้มฝน" 
"ลีลาวดี" 
"ตัวแสบ - เจ้าหมอนี่คือ Mi Bunny ประจำบ้านครับ" สรุป Redmi Note 5 คือ Xiaomi เครื่องแรกของผม และผมได้รับประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ สำหรับการให้คะแนนในการใช้งาน ผมให้ไปเลย 9 เต็ม 10 ที่หักไปหนึ่งคะแนน เพราะบางครั้งเครื่องมีอาการหน่วงและ error อยู่บ้างเล็กน้อย ตามปกติของระบบแอนดรอยด์ ซึ่งไม่ใช่ปัญหาหนักหนาอะไร แต่ถ้าเอาคะแนนแบบไม่มโน ผมก็ได้ทำการทดลองโดยรันระบบใน Antutu Benchmark แอปพลิเคชั่นสำหรับทดสอบระบบชื่อดัง ผลที่ได้ก็ถือว่าค่อนข้างสูง เพราะได้คะแนนแตะถึงหลักแสน คือสูงถึง 115,385 คะแนนเลยทีเดียว โดยแบ่งตามประเภทการชี้วัดได้ดังนี้ - CPU : 56,543 คะแนน - GPU : 20,779 คะแนน - UX : 32,255 คะแนน - MEM : 5,808 คะแนน เมื่อดูจากคะแนนผลการทดสอบแล้ว จะเห็นได้ว่า Redmi Note 5 สามารถทำคะแนนได้สูงในด้านประสิทธิภาพของ CPU คือ 56,543 คะแนน และบ่งชี้ว่า Snapdragon 636 สามารถเอาชนะคู่แข่งในตลาดสมาร์ทโฟนได้มากกว่า 95% คะแนนจึงดีดสูงขึ้นมามาก ส่วนผลผลทดสอบด้านอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น GPU UX หรือ MEM นับเป็นข้อด้อย แต่ก็พอรับได้ สมกับราคาค่าตัวของมันครับ 
"ผลคะแนนของ Redmi Note 5 จาก Antutu Benchmark" การได้พบกับ Redmi Note 5 เป็นความประทับใจที่เหมือนกับเป็นรักแรกพบ ตอนนี้เราไปไหนไปด้วยกันตลอด ติดตัวแทบจะตลอดเวลา ที่ผ่านมาผมเคยใช้โทรศัพท์ค่ายใหญ่ ๆ มาแล้วมากกว่า 5 ค่าย แต่ ณ เวลานี้บอกได้เลยว่า "การมี Redmi Note 5 อยู่ข้างกาย คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเลยครับ" |
Rate
-
Number of participants 2 Experience +16 Pack Reason
Rate
from Redmi Pro 
Get new
Download on Google Play